บัตร Pasmo และ บัตร Suica เป็นบัตรที่ใช้สำหรับการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนในญี่ปุ่น เช่น รถไฟใต้ดิน, รถไฟ, รถบัส และยังสามารถใช้ในร้านค้าต่างๆ ที่รองรับระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (contactless payment)

ทั้งสองบัตรมีลักษณะการใช้งานที่คล้ายกันมาก แต่ก็มีความแตกต่างบางอย่างครับ จะต่างกันยังไงไปดู แต่ถ้าถามว่า ทั้งบัตรทั้ง 2 ใบ สามารถใช้ได้เหมือนกัน แต่ suica จะครอบคลุมกว่าครับ

ข้อแตกต่าง suica กับ pasmo

  1. ต้นกำเนิดและผู้ให้บริการ:
  • บัตร Pasmo: เปิดตัวโดย กลุ่มบริษัทขนส่ง Tokyo Metropolitan (Tokyo Metro และ Toei Subway) และบริษัทขนส่งอื่นๆ ในเขตโตเกียว เช่น รถไฟ JR, รถไฟสาย Keio, Keikyu, และสายอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับโตเกียว
  • บัตร Suica: เปิดตัวโดย บริษัท JR East (East Japan Railway Company) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งในพื้นที่ของภาคตะวันออกของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเขตโตเกียวและพื้นที่รอบๆ
  1. การใช้งานและการรองรับ:
  • บัตร Pasmo: ใช้งานได้กับระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมพื้นที่กรุงโตเกียว เช่น รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro, Toei Subway, บริการรถไฟของ Keio, Tokyu, Keikyu, และอื่นๆ รวมถึงร้านค้าต่างๆ ที่รองรับการชำระเงินด้วยบัตรไร้สัมผัส
  • บัตร Suica: ใช้งานได้ในเขตพื้นที่ของ JR East และบริการขนส่งที่เชื่อมโยง เช่น รถไฟ JR East, บริการรถไฟใต้ดินของ Tokyo Metro, รถไฟที่วิ่งในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงการชำระเงินในร้านค้าทั่วไปที่รองรับ
  1. การชาร์จเงิน:
  • บัตร Pasmo และ บัตร Suica ทั้งสองสามารถเติมเงินได้ง่าย ๆ ผ่านตู้เติมเงินที่สถานีรถไฟ, ร้านสะดวกซื้อ, และแอปพลิเคชันมือถือที่รองรับการเติมเงินแบบไร้สัมผัส ทั้งสองบัตรสามารถใช้ในการเดินทางและชำระค่าสินค้าได้
  1. การใช้งานร่วมกัน:
  • บัตร Pasmo และ บัตร Suica สามารถใช้งานร่วมกันได้ในระบบขนส่งมวลชนที่รองรับการใช้ทั้งสองบัตร เช่น สถานีรถไฟ JR East, Tokyo Metro, หรือบริษัทรถไฟที่เชื่อมโยงกัน บัตรทั้งสองสามารถใช้แทนกันได้ในหลายพื้นที่ทั่วญี่ปุ่น โดยการใช้บัตรใดๆ ก็สามารถชำระค่าโดยสารหรือซื้อสินค้าได้
  1. ความแตกต่างเล็กน้อย:
  • บัตร Pasmo อาจจะเน้นการใช้งานในระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ใช่ JR East แต่รวมถึงบริษัทขนส่งเอกชนในกรุงโตเกียว
  • บัตร Suica จะคุ้นเคยและนิยมใช้ในเขตพื้นที่ของ JR East เช่น การเดินทางในบริเวณภาคตะวันออกของญี่ปุ่น เช่น ชิบูย่า, อุเอะโนะ, และนิกโก้ เป็นต้น
  1. การใช้งานผ่านแอปพลิเคชันมือถือ:
  • ทั้งสองบัตรสามารถเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันมือถือ เช่น Apple Pay หรือ Google Pay สำหรับการใช้งานบัตรไร้สัมผัสและการเติมเงิน

การเปรียบเทียบระหว่าง Tokyo Metro และ JR East

  1. การครอบคลุมพื้นที่:
  • Tokyo Metro: เป็นระบบรถไฟใต้ดินที่ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงโตเกียวและบางส่วนของเมืองใกล้เคียง เช่น ชิบูย่า, ชินจุกุ, อูเอโนะ และพื้นที่อื่นๆ ภายในกรุงโตเกียว มี 9 สายที่เชื่อมต่อไปยังสถานีสำคัญต่างๆ
  • JR East (East Japan Railway Company): เป็นบริษัทขนส่งที่มีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกของญี่ปุ่น เช่น โตเกียว, ชิบะ, ไซตามะ, คานากาวะ และพื้นที่อื่นๆ รวมถึงการเดินทางระหว่างเมืองใหญ่ๆ เช่น โยโกฮามา, นิกโก้, และแม้กระทั่งระยะทางไกลถึงภาคเหนือของญี่ปุ่น (เช่น สู่เมืองเซ็นได)
  1. ประเภทของรถไฟ:
  • Tokyo Metro: ระบบรถไฟใต้ดินที่ใช้รถไฟแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่เป็นระบบ “ใต้ดิน” โดยมีการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟที่อยู่บนพื้นดิน แต่การเดินทางหลักจะอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน
  • JR East: ประกอบด้วยรถไฟทั้งในและนอกเมือง โดยจะมีทั้งรถไฟที่อยู่ใต้ดิน (ในกรุงโตเกียว) และรถไฟที่วิ่งบนดิน (เช่น รถไฟชินคันเซ็นหรือรถไฟระยะทางไกล) ซึ่งทำให้สามารถเดินทางได้ทั้งในเมืองและระหว่างเมือง
  1. การให้บริการและประเภทของขบวนรถ:
  • Tokyo Metro: เน้นการให้บริการในเมืองใหญ่ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟที่วิ่งสั้นๆ ระยะทางไม่ไกล แต่มีความสะดวกสบายและความถี่สูง เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง
  • JR East: ให้บริการรถไฟระยะทางไกล เช่น รถไฟด่วน (Limited Express) และ รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงและใช้เวลาน้อยในการเดินทางระหว่างเมือง
  1. ระบบการเชื่อมต่อ:
  • Tokyo Metro: เชื่อมโยงกับระบบรถไฟใต้ดินและรถไฟของบริษัทเอกชนอื่นๆ เช่น Keio, Tokyu, Toei, ซึ่งทำให้สามารถเดินทางข้ามระบบต่างๆ ได้ง่าย
  • JR East: เชื่อมต่อกับระบบขนส่งของ JR East ที่วิ่งไกลออกจากกรุงโตเกียว รวมถึงรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง เช่น ชินคันเซ็น, รถไฟด่วน, และรถไฟธรรมดา
  1. ประเภทบัตรที่ใช้:
  • Tokyo Metro: ใช้บัตร Pasmo และ Suica ได้ในระบบขนส่งนี้
  • JR East: ใช้บัตร Suica ซึ่งสามารถใช้ทั้งในระบบ JR East และ Tokyo Metro
  1. ค่าโดยสาร:
  • Tokyo Metro: ค่าโดยสารจะคำนวณตามระยะทางภายในกรุงโตเกียว โดยมีการกำหนดราคาตามจำนวนสถานีที่ผ่าน
  • JR East: ค่าโดยสารจะคำนวณตามระยะทางเช่นกัน แต่ก็มีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของขบวนรถ (เช่น รถไฟด่วนหรือชินคันเซ็น) และระยะทางที่เดินทาง
  1. ความสะดวกและความคับคั่ง:
  • Tokyo Metro: เป็นระบบที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับการเดินทางภายในกรุงโตเกียว แต่บางช่วงเวลาอาจมีคนหนาแน่นมากโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน
  • JR East: ขึ้นอยู่กับประเภทของขบวนรถ แต่โดยทั่วไปจะมีการขนส่งที่สะดวกสบายและหลากหลาย โดยเฉพาะในบริการระหว่างเมือง

สำหรับใครที่ชื่นชอบญี่ปุ่น และอยากไปเที่ยวสักครั้ง ใครไปครั้งแรกรู้ไว้ดีกว่าไม่งั้นเดี๋ยวไปงงทีหลังครับ 

อัตราจ่ายที่เว็บของเราสูงที่สุดในประเทศไทย และมีหวยให้เลือกหลายประเทศ รวมถึงสามารถกดยกเลิกบิลหวยได้ฟรีตลอด 24 ชม. ระบบจะคืนเงินทันทีครับ เรียกว่าไม่มีความเสี่ยงใดๆทั้งสิ้น

อีกอย่างที่การันตีความเสี่ยงได้เลยก็คือ หน่วยงานรัฐบาลของประเทศอังกฤษ ฟิลิปปินส์ และหน่วยงานของอเมริกา ให้การดูแลและควบคุมเว็บไซต์ของเราอย่างเป็นทางการครับ